นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ช่วงยมราช-พญาไท บริเวณชุมชนบุญร่มไทร เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาการบุกรุก พร้อมกับติดตามการดูแลผู้ได้รับผลกระทบชุมชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ตามนโยบายของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ที่มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธาน ซึ่งให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการลงทุนภาครัฐ ควบคู่กับการบริหารจัดการนำทรัพย์สินที่ดินมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา รฟท.ได้พบปะพูดคุยกับชุมชนฯ เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุก และหาทางออกร่วมกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของชุมชนบุญร่มไทร รฟท. ได้ร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ จัดสร้างอาคารที่พักอาศัยขนาด 315 ยูนิต บริเวณพื้นที่ริมบึงมักกะสัน เขตราชเทวี สำหรับรองรับการย้ายของชุมชนให้ไปเช่าอยู่อาศัยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างขออนุมัติของหน่วยงานรัฐ และการออกแบบเพื่อก่อสร้าง ประกอบด้วย ห้องพักขนาด 28.5 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน และขนาด 34.6 ตารางเมตร ขนาด 2 ห้องนอน และมีพื้นที่รองรับศูนย์ดูแลเด็ก ศูนย์สุขภาพสำหรับกลุ่มเปราะบาง ห้องประชุม พื้นที่ส่วนกลางสำหรับประกอบอาหาร พื้นที่เก็บรถเข็นสำหรับประกอบอาชีพ รวมถึงมีตลาดสดภายในชุมชน คาดว่าจะก่อสร้างในปี 67 ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี
นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า รฟทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. มีความตั้งใจอย่างยิ่งในการดูแลประชาชนทีได้รับผลกระทบจากโครงการลงทุนของรัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ มีส่วนร่วมในการพิจารณาพื้นที่ปลูกสร้าง และรูปแบบที่พักอาศัยที่เหมาะสม ตลอดจนความสามารถในการชำระค่าเช่าของแต่ละครัวเรือน ซึ่งเป็นนโยบายที่ รฟท. ให้ความสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนมาโดยตลอด
นายนิรุฒ กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าการส่งมอบที่ดินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น ขณะนี้ รฟท. สามารถแก้ปัญหาในภาพรวม พร้อมกับทำความเข้าใจกับผู้บุกรุกจนได้รับความยินยอมออกจากพื้นที่ครบ 100% แล้ว และหลังแก้ไขเสร็จ รฟทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ได้กำหนดแผนส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนผู้ได้รับสัมปทานโครงการในเดือน ก.ค.65 ทั้งนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยตลอดโครงการมีระยะทาง 220 กิโลเมตร (กม.) มูลค่าโครงการ 224,500 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และสนับสนุนการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดเติบโตทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของชุมชนได้ในอนาคตอันใกล้.